พยายามหาคำตอบให้กับตัวเองมานานแล้วว่า การที่คนเราจะสนใจใครสักคนหนึ่งมากกว่าคนอื่นๆ นั้นมันเป็นเพราะอะไร
บ้างว่า..เพราะคนนั้นมีความคล้ายคลึงกับเรา ชอบอะไรเหมือนๆ กัน จึงอยู่ด้วยกันได้
บ้างว่า..เพราะเค้าไม่เหมือนเราเลย จึงเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน
เหตุผลเข้าท่าเนอะ..
กลับมามองตัวเอง..
แล้วเราล่ะ เหมือนใคร หรือ ต่างกับใคร ตรงไหนกันนะ??
ก็แค่คนธรรมดา (ที่ไม่ธรรมดา) ที่หาได้ทั่วๆ ไป ไม่ได้มีจุดเด่นพิเศษหรืออะไรที่ดีไปกว่าคนอื่นๆ เลย เป็นคนดี (ที่โลกไม่ลืม) รึก็เปล่า? ก็เพียงแค่คนที่มีรัก โลภ โกรธ หลง อยู่อย่างครบถ้วน หรือ อาจจะมากกว่าชาวบ้านด้วยซ้ำ เพราะงั้นก็เลยไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเป็นเรา
ว่ากันว่า "ความรัก" ไม่อาจหาเหตุผลใดๆ มาสนับสนุนได้ นอกจากคำว่า "รัก" และความรักของคนเราก็ไม่เหมือนกัน (ไม่งั้นคงแย่งกันตาย -_-")ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเพราะอะไร
มากกว่านั้น..
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
คบกันตอนนี้น่ะ ก็เพราะคิดว่าใช่ อย่างน้อยก็สำหรับวันนี้
แต่ไม่ได้หมายความว่า ตลอดไป
แต่ถ้าวันหนึ่ง คบกันไปนานๆ แล้ว "คุณ" จะเปลี่ยนไปไหมนะ?
เจ้าหญิงในนิยาย : Beau สุนิตา
ที่ในวันนี้เธอให้สัญญาว่าเธอจะมีฉัน รักกันตลอดในชาตินี้
ก็อยากจะขอให้เธอทบทวน เพราะกลัวว่าจากนี้เรื่องราวมันอาจเปลี่ยนไป
หากเธอได้เห็นว่าในบางมุม ฉันดูไม่ดีนัก แล้วเธอยังอยากมีฉันไหม
หากเธอได้เห็นว่าในบางที ก็มีที่หวั่นไหว แล้วเธอจะเกลียดไหมเธอ
*เมื่อฉันเองก็เป็นเหมือนคนอื่นทั่วไป ไม่เป็นอย่างเจ้าหญิงในนิยาย
จะรักกันเหมือนเดิม หรือ เดินจากฉันไป ฉันบังเอิญไม่เป็นอย่างฝันเธอ
**เมื่อในวันนี้เราเพิ่งคบกันก็มองแค่ส่วนดี ฉันยังมีบางสิ่งที่ซ่อนไว้
ถ้าหากว่าคบกันไปนานๆ รู้ตัวรู้จักใจ แล้วจะเป็นไงไม่รู้เลย (*,**)
..แล้วจะเป็นไงไม่รู้เลย..
วันพุธ, พฤศจิกายน 29, 2549
++ สารภาพ :: OST. อุ้มรัก ++
เรื่องของความรัก หากจะมองเป็นเรื่องง่ายมันก็ง่าย เมื่อคนเรารู้จักชอบพอกัน ก็คบกัน ก็เท่านั้น..
แต่ถ้าจะมองว่ายากมันก็ยากอยู่นะคะ กว่าที่จะรักกันได้ก็ต้องพิสูจน์ใจกันเยอะ
นึกถึงละครเรื่องหนึ่ง "อุ้มรัก" ที่ใครต่อหลายคนติดกัน (รวมทั้งเราด้วยแหละ)เรื่องของความรักที่เริ่มต้นจากความผิดพลาดซึ่งเกิดขึ้นโดยที่สองฝ่ายไม่เต็มใจ แต่เพราะชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมาทำให้พวกเค้าต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม แล้วความใกล้ชิดก็ทำให้ผูกพันกันจนเกิดเป็นความรักในที่สุด เฮ้อ..พูดแล้วฟังดูละค้อน ละคอน แต่รู้มั๊ยว่าละครมันก็มาจากชีวิตจริงน่ะแหละค่ะ แต่มันอาจจะถูกปรุงแต่งเสียจน 'เว่อร์' ไปบ้าง เพื่อความบันเทิง
คิดแล้วก็อดนึกถึงตัวเองไม่ได้ แรกเริ่มก็แค่รู้สึกดีที่มีคนมาสนใจ คิดว่าคงดีหากได้เป็น Somebody ของใครบางคน แต่ไปๆ มาๆ จากคนที่ไม่เคยนึกสนใจ ไม่เคยคิดจะไว้ใจใคร ความอดทนและเวลาก็ได้ทำให้เราได้เรียนรู้ และรู้จักที่จะเชื่อใครบางคน ยังมีอุปสรรคอีกเยอะที่รอให้เราได้พิสูจน์ตัวเอง เพื่ออนาคตที่กำลังจะเข้ามา..
เคยมีคนพูดไว้ว่า "ชีวิตก็คือละคร" ถ้างั้นจะได้ไหม.. หากเราขอเป็นนางเอกในละครที่ Happy Ending ในที่สุด แต่ ณ เวลานี้ก็ได้แต่หวังว่าชีวิตเราคงไม่เป็นเหมือนในละครไปซะทั้งหมด ที่กว่าจะรู้ตัวว่า "รัก" ก็เมื่อมันเกือบจะสายเกินไป..
สารภาพ : OST.อุ้มรัก
อาจจะเป็นวันนั้น วันที่ฉันทำเธอเสียใจ
หากเธอไม่ยอมอภัย ฉันก็พอเข้าใจอยู่แล้ว
*แต่วันนี้ใจฉันมีความนัยที่เธอควรต้องรู้ แม้ว่าทุกอย่างมันจะดูสายไป
**อยากจะสารภาพว่ารัก แต่เธอไม่อยากจะฟังใช่ไหม เธอยังไม่ยอมเปิดใจให้กันเสียที
หนึ่งคำสารภาพว่ารัก เมื่อไหร่จะยอมรับไว้เสียที บอกฉันต้องทำอย่างไร จะให้ฉันเฝ้ารออย่างนี้ถึงเมื่อไหร่
***อยากจะลองแก้ตัว ได้ไหม อยากขอให้เราเริ่มใหม่
อยากหมุนเวลากลับไป คงไม่มีใครต้องเสียใจ (*,**,***,*,**)
จะให้ฉันเฝ้ารออย่างนี้..ถึงเมื่อไหร่..
แต่ถ้าจะมองว่ายากมันก็ยากอยู่นะคะ กว่าที่จะรักกันได้ก็ต้องพิสูจน์ใจกันเยอะ
นึกถึงละครเรื่องหนึ่ง "อุ้มรัก" ที่ใครต่อหลายคนติดกัน (รวมทั้งเราด้วยแหละ)เรื่องของความรักที่เริ่มต้นจากความผิดพลาดซึ่งเกิดขึ้นโดยที่สองฝ่ายไม่เต็มใจ แต่เพราะชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมาทำให้พวกเค้าต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม แล้วความใกล้ชิดก็ทำให้ผูกพันกันจนเกิดเป็นความรักในที่สุด เฮ้อ..พูดแล้วฟังดูละค้อน ละคอน แต่รู้มั๊ยว่าละครมันก็มาจากชีวิตจริงน่ะแหละค่ะ แต่มันอาจจะถูกปรุงแต่งเสียจน 'เว่อร์' ไปบ้าง เพื่อความบันเทิง
คิดแล้วก็อดนึกถึงตัวเองไม่ได้ แรกเริ่มก็แค่รู้สึกดีที่มีคนมาสนใจ คิดว่าคงดีหากได้เป็น Somebody ของใครบางคน แต่ไปๆ มาๆ จากคนที่ไม่เคยนึกสนใจ ไม่เคยคิดจะไว้ใจใคร ความอดทนและเวลาก็ได้ทำให้เราได้เรียนรู้ และรู้จักที่จะเชื่อใครบางคน ยังมีอุปสรรคอีกเยอะที่รอให้เราได้พิสูจน์ตัวเอง เพื่ออนาคตที่กำลังจะเข้ามา..
เคยมีคนพูดไว้ว่า "ชีวิตก็คือละคร" ถ้างั้นจะได้ไหม.. หากเราขอเป็นนางเอกในละครที่ Happy Ending ในที่สุด แต่ ณ เวลานี้ก็ได้แต่หวังว่าชีวิตเราคงไม่เป็นเหมือนในละครไปซะทั้งหมด ที่กว่าจะรู้ตัวว่า "รัก" ก็เมื่อมันเกือบจะสายเกินไป..
สารภาพ : OST.อุ้มรัก
อาจจะเป็นวันนั้น วันที่ฉันทำเธอเสียใจ
หากเธอไม่ยอมอภัย ฉันก็พอเข้าใจอยู่แล้ว
*แต่วันนี้ใจฉันมีความนัยที่เธอควรต้องรู้ แม้ว่าทุกอย่างมันจะดูสายไป
**อยากจะสารภาพว่ารัก แต่เธอไม่อยากจะฟังใช่ไหม เธอยังไม่ยอมเปิดใจให้กันเสียที
หนึ่งคำสารภาพว่ารัก เมื่อไหร่จะยอมรับไว้เสียที บอกฉันต้องทำอย่างไร จะให้ฉันเฝ้ารออย่างนี้ถึงเมื่อไหร่
***อยากจะลองแก้ตัว ได้ไหม อยากขอให้เราเริ่มใหม่
อยากหมุนเวลากลับไป คงไม่มีใครต้องเสียใจ (*,**,***,*,**)
จะให้ฉันเฝ้ารออย่างนี้..ถึงเมื่อไหร่..
วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 23, 2549
++ เจ้าสาวที่กลัวฝน :: เรวัต พุฒินันทน์ ++
ได้ยินเสมอว่าผู้คนมักจะเรียกผู้หญิงที่ไม่ยอมแต่งงานเสียทีว่า เจ้าสาวที่กลัวฝน ซึ่งแต่ละคนก็มี "ข้ออ้าง" ต่างๆ กันไปในการลังเลที่ก้าวลงไปสู่อีกบทบาทหนึ่งของชีวิต คือ "การแต่งงาน"
บ้างก็บอกว่ายังมีความสุขกับชีวิตโสดไร้พันธะ ยังไม่อยากมีห่วง ยังไม่ต้องการมีใครมาร่วมแชร์ความเป็นส่วนตัว เรียกว่า ยังไม่ถึงเวลา..ว่างั้น บางคนก็มีหลักเกณฑ์ยืดยาวในการคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นคู่ครองที่ดี แฟนชั้นต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ประมาณว่าอุดมคติซะจนมันจะมีจริงๆ ไหมวะเนี่ยคนแบบนี้? หรือถ้ามีจะเหลือมาถึงเราเหรอ? ไม่มั่นใจว่าจะโชคดีขนาดนั้น
ก็เข้าใจค่ะว่า ใครๆ ก็ต้องอยากตัดสินใจในสิ่งที่ถูกและดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเองอยู่แล้วใช่ไหมคะ มันก็คงไม่แปลกอะไร หากเราอยากจะใช้เวลาดูให้ดีๆ เสียก่อนที่จะตกลงปลงใจกับใครสักคน
ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เป็นชีวิตอีกครึ่งชีวิต (หรือมากกว่านั้น) ที่จะต้องดำเนินต่อไป
หลายคนบอกว่าเลือกคู่ก็เหมือนกับการซื้อล็อตเตอรี่ ที่มีเลขให้เลือกได้มากมายตราบเท่าที่คุณยังถือเงินไว้ในมือ แต่เมื่อใดก็ตามที่ตัดสินใจซื้อไปแล้ว ก็ต้องลุ้นได้แต่เลขที่เลือกนั้น แม้ว่าภายหลังจะไปเจอเลขใหม่ที่ถูกใจกว่าเดิม แต่ก็ซื้อไม่ได้เสียแล้ว
และขึ้นชื่อว่าเป็นการเสี่ยงโชค โอกาสถูกมีน้อยมาก แต่ถ้าเลือกใบที่ถูกรางวัล (สำหรับคุณ) นั่นเป็นโชคดีอย่างมหาศาลที่ใครๆ ต่างก็ต้องชื่นชมยินดี และอดอิจฉาไม่ได้
แต่ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ ซื้อผิดอาจไม่ต้องคิดจนตัวตายเหมือนเมื่อก่อน เพราะการซื้อเลขใหม่ยังเป็นไปได้ ถ้าคุณยินยอมและล็อตเตอรี่ใบนั้นพร้อมใจที่จะไปจากคุณเอง
แต่ในเมื่ออนาคตมันยังมาไม่ถึง ก็อย่าเพิ่งร้อนตัวว่าทุกอย่างมันจะน่ากลัวขนาดนั้น ก็ลองคบกันไปดูก่อน เปิดโอกาสเรียนรู้กันและกัน บางทีฝนมันอาจจะไม่ได้ทำให้หนาวอย่างเดียวก็ได้นะ ฝนอาจจะทำให้เย็นสบาย ให้ตัวได้เปียกบ้างจะได้รู้รสชาติของชีวิต
สำหรับเรา..ตอนนี้ฝนตกแล้วค่ะ..
ก็ไม่รู้ว่ามันจะหนาวเย็นสักเพียงไหน..
ว่าแต่..
สนใจจะออกมาเดินตากฝนเป็นเพื่อนกันไหมคะ??..

เจ้าสาวที่กลัวฝน :: เรวัต พุฒินันทน์
เหตุอันใดพอความรักเธอเริ่มต้น ชายทุกคนหลีกไกล เหตุใดเธอเคยคิดดูหรือไม่ ใครล้อมกรอบตัวเอง
ตั้งข้อแม้รักเสียมากมาย จะมีชายใดเป็นได้ดัง เช่นกฏเกณฑ์เธอวางไว้ใครบ้าง จะมีทางเป็นชายของเธอเธอเห็นใคร ใยถึงต้องหลอกตัวเอง
ใจเธอคิดเองคิดกลัวทุกอย่าง บางครั้งเธอเต็มใจแต่กลัว เปรียบเธอเป็นคนกลัวฝนที่เย็นฉ่ำ กลัวฝนทำเธอเปียกปอนไป
*หากเธอคิดพบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำตัวเองมืดมน อย่ากลัวฝนเพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำตามความคิดเดิม ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน
**ท้องฟ้าใสยามฝนซา เปียกปอนกันมากลับแห้งไปความรักนั้นต้องมั่นใจ ฝากใจให้รักชักนำ (*,**)
บ้างก็บอกว่ายังมีความสุขกับชีวิตโสดไร้พันธะ ยังไม่อยากมีห่วง ยังไม่ต้องการมีใครมาร่วมแชร์ความเป็นส่วนตัว เรียกว่า ยังไม่ถึงเวลา..ว่างั้น บางคนก็มีหลักเกณฑ์ยืดยาวในการคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นคู่ครองที่ดี แฟนชั้นต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ประมาณว่าอุดมคติซะจนมันจะมีจริงๆ ไหมวะเนี่ยคนแบบนี้? หรือถ้ามีจะเหลือมาถึงเราเหรอ? ไม่มั่นใจว่าจะโชคดีขนาดนั้น
ก็เข้าใจค่ะว่า ใครๆ ก็ต้องอยากตัดสินใจในสิ่งที่ถูกและดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเองอยู่แล้วใช่ไหมคะ มันก็คงไม่แปลกอะไร หากเราอยากจะใช้เวลาดูให้ดีๆ เสียก่อนที่จะตกลงปลงใจกับใครสักคน
ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เป็นชีวิตอีกครึ่งชีวิต (หรือมากกว่านั้น) ที่จะต้องดำเนินต่อไป
หลายคนบอกว่าเลือกคู่ก็เหมือนกับการซื้อล็อตเตอรี่ ที่มีเลขให้เลือกได้มากมายตราบเท่าที่คุณยังถือเงินไว้ในมือ แต่เมื่อใดก็ตามที่ตัดสินใจซื้อไปแล้ว ก็ต้องลุ้นได้แต่เลขที่เลือกนั้น แม้ว่าภายหลังจะไปเจอเลขใหม่ที่ถูกใจกว่าเดิม แต่ก็ซื้อไม่ได้เสียแล้ว
และขึ้นชื่อว่าเป็นการเสี่ยงโชค โอกาสถูกมีน้อยมาก แต่ถ้าเลือกใบที่ถูกรางวัล (สำหรับคุณ) นั่นเป็นโชคดีอย่างมหาศาลที่ใครๆ ต่างก็ต้องชื่นชมยินดี และอดอิจฉาไม่ได้
แต่ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ ซื้อผิดอาจไม่ต้องคิดจนตัวตายเหมือนเมื่อก่อน เพราะการซื้อเลขใหม่ยังเป็นไปได้ ถ้าคุณยินยอมและล็อตเตอรี่ใบนั้นพร้อมใจที่จะไปจากคุณเอง
แต่ในเมื่ออนาคตมันยังมาไม่ถึง ก็อย่าเพิ่งร้อนตัวว่าทุกอย่างมันจะน่ากลัวขนาดนั้น ก็ลองคบกันไปดูก่อน เปิดโอกาสเรียนรู้กันและกัน บางทีฝนมันอาจจะไม่ได้ทำให้หนาวอย่างเดียวก็ได้นะ ฝนอาจจะทำให้เย็นสบาย ให้ตัวได้เปียกบ้างจะได้รู้รสชาติของชีวิต

เจ้าสาวที่กลัวฝน :: เรวัต พุฒินันทน์
เหตุอันใดพอความรักเธอเริ่มต้น ชายทุกคนหลีกไกล เหตุใดเธอเคยคิดดูหรือไม่ ใครล้อมกรอบตัวเอง
ตั้งข้อแม้รักเสียมากมาย จะมีชายใดเป็นได้ดัง เช่นกฏเกณฑ์เธอวางไว้ใครบ้าง จะมีทางเป็นชายของเธอเธอเห็นใคร ใยถึงต้องหลอกตัวเอง
ใจเธอคิดเองคิดกลัวทุกอย่าง บางครั้งเธอเต็มใจแต่กลัว เปรียบเธอเป็นคนกลัวฝนที่เย็นฉ่ำ กลัวฝนทำเธอเปียกปอนไป
*หากเธอคิดพบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำตัวเองมืดมน อย่ากลัวฝนเพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำตามความคิดเดิม ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน
**ท้องฟ้าใสยามฝนซา เปียกปอนกันมากลับแห้งไปความรักนั้นต้องมั่นใจ ฝากใจให้รักชักนำ (*,**)
++ ใช่ฉันรึเปล่า :: กะลา ++
เคยฟังเพลงแล้วรู้สึก "โดน" บ้างไหมคะ แบบที่ฟังแล้วรู้สึกว่า ใช่เลย!
เราเองด้วยความที่อารมณ์ศิลปินเยอะ (บางทีก็เกินเหตุ -_-"อะไรนิดหน่อยก็น้ำตาตกซะแล้ว) บ่อยมากที่รู้สึกว่าทำไมคนแต่งเพลงช่างเข้าใจความรู้สึกของเราจัง ยิ่งที่อยู่ในอารมณ์พูดไม่ออกบอกไม่ถูกด้วยแล้ว บางทีนั่งฟังเพลงไปน้ำตาตกไปประจำ ประมาณว่า.. โห..ใช่เลยเพลงนี้! เปรียบตัวเองเป็นพระเอกมิวสิคเพลงอกหัก รักเขาข้างเดียว ..เธอไม่รักไม่เป็นไร ขอชั้นรักเธออย่างนี้ก็พอ ..พระเอ๊ก..พระเอก
ระยะหลังมานี้เริ่มมีการเปลี่ยนมุมมองไปบ้าง แทนที่จะคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกก็แต่ก่อนก็เปลี่ยนเป็นนางเอกที่เนื้อเพลงเค้ากล่าวถึง จะว่ามองโลกในแง่ดีขึ้นก็ได้นะคะ เปลี่ยนจากแนวเศร้ารันทด รักเขาข้างเดียว กลายเป็นคนที่ถูกรัก เป็นคนสำคัญของใครสักคนบ้าง
เหตุผลของเรื่องก็คงมาจากการเปิดใจยอมรับใครสักคนเข้ามาในใจ และก็ยอมเข้าไปเป็นคนในใจของเค้าแลกเปลี่ยนกัน..
เมื่อก่อนมีหลายคนบอกว่าเราน่ะปิดตัวเอง ไม่ยอมมีความรักกับใครเสียที ทั้งที่เราก็ยังค้านอยู่ว่าเราก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองซะหนอ่ย ดูจากการที่ยังมีคนมาจีบมากุ๊กกิ๊กๆ เหมือนกัน แต่มันอาจจะไม่ลึกซึ้งเหมือนใครเค้า ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร อาจเป็นได้ว่ามันไม่ "คลิ๊ก" มันก็เลยไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหวือหวาเท่าไหร่
ความรักเมื่อก่อนของเราจึงมีเพียงการไปไหนมาไหนด้วยกัน โทรคุยกัน ใช้ชีวิตนอกบ้านด้วยกัน แบบที่ทุกคนรู้เห็นการไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่เวลาอื่นหลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมันค่ะ เพราะคิดว่าคนเราก็น่าจะมีความเป็นส่วนตัวกันบ้าง คุณแค่รู้ในสิ่งที่เราอยากให้รู้ก็พอ
..ฟังดูแล้ว เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่เลยใช่ไหมคะ..
เมื่อก่อนคงเป็นอย่างนั้นจริงๆ และกำแพงนั้นก็คงจะใหญ่พอที่ทำให้ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามมาได้เลย และมันทำให้เรารู้สึกว่าไม่เคยมีใครสักคนที่เข้าใจ และรู้จักเราจริงๆ
เพิ่งมาเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ว่า "การเปิดใจ และ การยอมรับ" ไม่ใช่การแค่เปิดโอกาสรับให้ใครสักคนเข้ามาเพื่อพูดคุยไปวันๆ แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะผูกพันกันเอง แต่คนเราจะคบกันได้ มันไม่ใช่แค่มีโอกาสพูดคุยกันกับคนที่เรารู้สึกสะดุดตาจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ใช่เพียงการมองเห็นแต่ข้อดีของกันและกัน เห็นปุ๊ปถูกใจแล้วก็รักกันเหมือนในละครไปซะหมด (แต่ก็ไม่เถียงว่ามันจะเป็นไปได้นะคะ ..แต่คงไม่ใช่กับเราแน่ๆ)
แต่มันหมายถึงการยอมรับใครสักคนในสิ่งที่เค้าเป็น รักที่เค้าเป็นตัวเค้าอย่างนั้น ในขณะเดียวกันก็เปิดให้เค้าเองได้เรียนรู้และยอมรับในความเป็นเราด้วย พร้อมที่จะแชร์ความคิด การกระทำด้วยกัน
ชายในฝัน.. ใครๆ ก็คงเคยมีกันทั้งนั้น..
ฝันถึงใครสักคนที่แสนดีจนไม่รู้ว่าจะมีตัวตนจริงๆ อยู่บนโลกมนุษย์หรือเปล่า??
แต่ในความเป็นจริง ขอแค่คนที่เป็นคนดี รักเราที่สุด และไม่ทำให้เราเสียใจ
ขอแค่คนที่คิดเหมือนในเพลงนี้ก็พอค่ะ ^_^
ใช่ฉันรึเปล่า :: กะลา
ลืมตามองฉันให้ดีอีกครั้ง
ความจริงความฝันต่างกันแค่ไหน
รักที่เธอต้องการ ผู้ชายที่ฝันในใจ
ตอบตัวเองได้ไหมใช่ฉันรึเปล่า
เธออายใครไหมที่เดินกับฉัน
จับมือกับฉันภูมิใจบ้างไหม
ฉันจะยอมรับฟัง หากเธอไม่แน่ใจ
ก็จะพร้อมทำตามหัวใจของเธอ
*ไม่ได้เลิศหรูแค่คนบนพื้นดินทราย
ไม่ใช่เจ้าชายที่มีให้เธอได้ทุกสิ่ง
มีเพียงสองมือที่พร้อมจะทำเพื่อเธอด้วยรักจริง
ไม่มีวันจะทิ้ง ให้เธอต้องเสียใจ
เธออายใครไหมที่เดินข้างฉัน
สบตากับฉันอุ่นใจแค่ไหน
แม้ยังไม่ดีพอ ก็ไม่ต้องเกรงใจ
อยากจับมือกับฉันเรื่อยไปรึเปล่า (*)
เราเองด้วยความที่อารมณ์ศิลปินเยอะ (บางทีก็เกินเหตุ -_-"อะไรนิดหน่อยก็น้ำตาตกซะแล้ว) บ่อยมากที่รู้สึกว่าทำไมคนแต่งเพลงช่างเข้าใจความรู้สึกของเราจัง ยิ่งที่อยู่ในอารมณ์พูดไม่ออกบอกไม่ถูกด้วยแล้ว บางทีนั่งฟังเพลงไปน้ำตาตกไปประจำ ประมาณว่า.. โห..ใช่เลยเพลงนี้! เปรียบตัวเองเป็นพระเอกมิวสิคเพลงอกหัก รักเขาข้างเดียว ..เธอไม่รักไม่เป็นไร ขอชั้นรักเธออย่างนี้ก็พอ ..พระเอ๊ก..พระเอก
ระยะหลังมานี้เริ่มมีการเปลี่ยนมุมมองไปบ้าง แทนที่จะคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกก็แต่ก่อนก็เปลี่ยนเป็นนางเอกที่เนื้อเพลงเค้ากล่าวถึง จะว่ามองโลกในแง่ดีขึ้นก็ได้นะคะ เปลี่ยนจากแนวเศร้ารันทด รักเขาข้างเดียว กลายเป็นคนที่ถูกรัก เป็นคนสำคัญของใครสักคนบ้าง
เหตุผลของเรื่องก็คงมาจากการเปิดใจยอมรับใครสักคนเข้ามาในใจ และก็ยอมเข้าไปเป็นคนในใจของเค้าแลกเปลี่ยนกัน..
เมื่อก่อนมีหลายคนบอกว่าเราน่ะปิดตัวเอง ไม่ยอมมีความรักกับใครเสียที ทั้งที่เราก็ยังค้านอยู่ว่าเราก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองซะหนอ่ย ดูจากการที่ยังมีคนมาจีบมากุ๊กกิ๊กๆ เหมือนกัน แต่มันอาจจะไม่ลึกซึ้งเหมือนใครเค้า ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร อาจเป็นได้ว่ามันไม่ "คลิ๊ก" มันก็เลยไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหวือหวาเท่าไหร่
ความรักเมื่อก่อนของเราจึงมีเพียงการไปไหนมาไหนด้วยกัน โทรคุยกัน ใช้ชีวิตนอกบ้านด้วยกัน แบบที่ทุกคนรู้เห็นการไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่เวลาอื่นหลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมันค่ะ เพราะคิดว่าคนเราก็น่าจะมีความเป็นส่วนตัวกันบ้าง คุณแค่รู้ในสิ่งที่เราอยากให้รู้ก็พอ
..ฟังดูแล้ว เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่เลยใช่ไหมคะ..
เมื่อก่อนคงเป็นอย่างนั้นจริงๆ และกำแพงนั้นก็คงจะใหญ่พอที่ทำให้ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามมาได้เลย และมันทำให้เรารู้สึกว่าไม่เคยมีใครสักคนที่เข้าใจ และรู้จักเราจริงๆ
เพิ่งมาเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ว่า "การเปิดใจ และ การยอมรับ" ไม่ใช่การแค่เปิดโอกาสรับให้ใครสักคนเข้ามาเพื่อพูดคุยไปวันๆ แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะผูกพันกันเอง แต่คนเราจะคบกันได้ มันไม่ใช่แค่มีโอกาสพูดคุยกันกับคนที่เรารู้สึกสะดุดตาจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ใช่เพียงการมองเห็นแต่ข้อดีของกันและกัน เห็นปุ๊ปถูกใจแล้วก็รักกันเหมือนในละครไปซะหมด (แต่ก็ไม่เถียงว่ามันจะเป็นไปได้นะคะ ..แต่คงไม่ใช่กับเราแน่ๆ)
แต่มันหมายถึงการยอมรับใครสักคนในสิ่งที่เค้าเป็น รักที่เค้าเป็นตัวเค้าอย่างนั้น ในขณะเดียวกันก็เปิดให้เค้าเองได้เรียนรู้และยอมรับในความเป็นเราด้วย พร้อมที่จะแชร์ความคิด การกระทำด้วยกัน
ชายในฝัน.. ใครๆ ก็คงเคยมีกันทั้งนั้น..
ฝันถึงใครสักคนที่แสนดีจนไม่รู้ว่าจะมีตัวตนจริงๆ อยู่บนโลกมนุษย์หรือเปล่า??
แต่ในความเป็นจริง ขอแค่คนที่เป็นคนดี รักเราที่สุด และไม่ทำให้เราเสียใจ
ขอแค่คนที่คิดเหมือนในเพลงนี้ก็พอค่ะ ^_^
ใช่ฉันรึเปล่า :: กะลา
ลืมตามองฉันให้ดีอีกครั้ง
ความจริงความฝันต่างกันแค่ไหน
รักที่เธอต้องการ ผู้ชายที่ฝันในใจ
ตอบตัวเองได้ไหมใช่ฉันรึเปล่า
เธออายใครไหมที่เดินกับฉัน
จับมือกับฉันภูมิใจบ้างไหม
ฉันจะยอมรับฟัง หากเธอไม่แน่ใจ
ก็จะพร้อมทำตามหัวใจของเธอ
*ไม่ได้เลิศหรูแค่คนบนพื้นดินทราย
ไม่ใช่เจ้าชายที่มีให้เธอได้ทุกสิ่ง
มีเพียงสองมือที่พร้อมจะทำเพื่อเธอด้วยรักจริง
ไม่มีวันจะทิ้ง ให้เธอต้องเสียใจ
เธออายใครไหมที่เดินข้างฉัน
สบตากับฉันอุ่นใจแค่ไหน
แม้ยังไม่ดีพอ ก็ไม่ต้องเกรงใจ
อยากจับมือกับฉันเรื่อยไปรึเปล่า (*)
วันพุธ, พฤศจิกายน 15, 2549
++ ขอพื้นที่เล็ก..เล็ก :: บอย ตรัย ++
จำได้ว่า เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เราพยายามเหลือเกินในการที่จะเป็นผู้ใหญ่ อยากหลุดพ้นจากการถูกควบคุมชีวิต อยากจะรับผิดชอบชีวิตตัวเอง โดยที่ไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นที่จะต้องตามมาเท่าใดนัก คงลืมไปน่ะค่ะว่าเราจะมองเพียงแต่ด้านที่เราอยากมองไม่ได้ คนเราทุกคนนั้นมีบทบาทและหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบไปตามกฏเกณฑ์ของสังคม
ตอนที่เรียนจบใหม่ๆ นั้นเราก็ยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่โลกของการทำงาน เราอาจจะโชคดีกว่าบางคนที่ยังสามารถอยู่ในโลกของการศึกษาต่อได้อีกสองปี ในขณะที่เพื่อนส่วนมากเริ่มทำงานกันแล้ว แต่เราก็มีความสุขกับตรงนั้นได้ไม่นานค่ะ เพราะอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ในที่สุดเราก็ดิ้นรนหางานทำเหมือนคนอื่น ทั้งที่ใจจริงนั้นไม่ได้พร้อมจะทำงานเลย ลึกๆ ในใจยังคงแยกไม่ออกระหว่างการเป็นเด็กกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
พอมาตอนนี้..เมื่อเราใช้ชีวิตของการเป็นคนทำงานจริงๆ แล้ว เรายิ่งรู้สึกไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เลยค่ะ รู้สึกว่าอิสรภาพที่ไขว่คว้านั้นมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดไว้เลย เพราะมันเป็นอิสรภาพที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย แรงกดดันจากหลายๆ ด้าน หลายครั้งทำให้เราท้อและหวั่นไหวกับสิ่งที่ต้องเผชิญไม่เว้นแต่ละวัน
รู้ว่าชีวิตยังต้องเจออะไรอีกมาก และก็รู้ค่ะว่าเราคงหนีมันไม่ได้ แม้ว่าจะไม่อยากเจอสักเพียงใด ก็คงได้แต่ทำใจให้ดีเพื่อเผชิญทุกสิ่งที่จะต้องผ่านเข้ามาทดสอบเรา เหมือนที่เราเคยได้ยินอยู่เสมอว่า The Show Must Go On ยังไงเสีย..ละครบทนี้ก็จะต้องถูกดำเนินไปในทางที่มันควรจะเป็น..
แต่อย่างน้อยวันนี้เราก็รู้แล้วว่า เรายังมี "อิสระ" ที่เราเคยตามหา แต่ไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้วมันอยู่กับเรามาตลอดแต่เรามองไม่เห็นเอง มันคือการที่จะทำอะไรก็ได้ อย่างไรก็ได้ ภายในขอบเขตที่เรามีนั่นแหละค่ะ
พื้นที่เล็ก..เล็ก :: บอย ตรัย
จะต้องถอนใจอีกสักเท่าไหร่ โลกแห่งความเป็นจริง ไม่เคยเป็นอย่างใจ
วันและคืนเปลี่ยนหมุนให้เรายังตามเรื่อยไป โตแล้ว..ทุกอย่างเปลี่ยนไป
การเป็นผู้ใหญ่มันไม่ง่ายเลย มันไม่คุ้นไม่เคย ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ
ไม่มีเวลาเหลือให้ฝันให้คิดถึงใคร โตแล้ว..ต้องทำอย่างไร
เหมือนนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนตัวเราเองอาจหล่นหาย
ลืมเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในใจ เขาไปไหน ทำไมวันนี้เขาหายไปจากเรา
*ขอพื้นที่เล็ก..เล็ก ให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ไม่ว่านานเท่าไรก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า
ให้ความสดใสยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยากขอ พื้นที่เล็ก..เล็ก นี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ ให้เราได้ฝันให้เรายิ้มได้
โลกแห่งความจริงมันจะดีหรือร้าย เก็บความเป็นเด็กในหัวใจเอาไว้
ตรงขอบฟ้านั่น มีรุ้งพาดผ่าน เมื่อความจริงความฝันได้มาบรรจบกัน
ที่ดินแดนแห่งนั้น เด็กน้อยคนหนึ่งกับฉัน จูงมือเดินไปด้วยกัน
เหมือนนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนลืมว่าเราเคยเป็นใคร
อย่าลืมเด็กน้อยที่ยิ้ม ปล่อยเขาคอยอยู่เดียวดาย ได้ยินใช่ไหมเสียงนั้นที่เรียกเรา (*)
แต่ความเป็นเด็กในหัวใจจะอยู่กับฉันตลอดไป...
ตอนที่เรียนจบใหม่ๆ นั้นเราก็ยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่โลกของการทำงาน เราอาจจะโชคดีกว่าบางคนที่ยังสามารถอยู่ในโลกของการศึกษาต่อได้อีกสองปี ในขณะที่เพื่อนส่วนมากเริ่มทำงานกันแล้ว แต่เราก็มีความสุขกับตรงนั้นได้ไม่นานค่ะ เพราะอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ในที่สุดเราก็ดิ้นรนหางานทำเหมือนคนอื่น ทั้งที่ใจจริงนั้นไม่ได้พร้อมจะทำงานเลย ลึกๆ ในใจยังคงแยกไม่ออกระหว่างการเป็นเด็กกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
พอมาตอนนี้..เมื่อเราใช้ชีวิตของการเป็นคนทำงานจริงๆ แล้ว เรายิ่งรู้สึกไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เลยค่ะ รู้สึกว่าอิสรภาพที่ไขว่คว้านั้นมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดไว้เลย เพราะมันเป็นอิสรภาพที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย แรงกดดันจากหลายๆ ด้าน หลายครั้งทำให้เราท้อและหวั่นไหวกับสิ่งที่ต้องเผชิญไม่เว้นแต่ละวัน
รู้ว่าชีวิตยังต้องเจออะไรอีกมาก และก็รู้ค่ะว่าเราคงหนีมันไม่ได้ แม้ว่าจะไม่อยากเจอสักเพียงใด ก็คงได้แต่ทำใจให้ดีเพื่อเผชิญทุกสิ่งที่จะต้องผ่านเข้ามาทดสอบเรา เหมือนที่เราเคยได้ยินอยู่เสมอว่า The Show Must Go On ยังไงเสีย..ละครบทนี้ก็จะต้องถูกดำเนินไปในทางที่มันควรจะเป็น..
แต่อย่างน้อยวันนี้เราก็รู้แล้วว่า เรายังมี "อิสระ" ที่เราเคยตามหา แต่ไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้วมันอยู่กับเรามาตลอดแต่เรามองไม่เห็นเอง มันคือการที่จะทำอะไรก็ได้ อย่างไรก็ได้ ภายในขอบเขตที่เรามีนั่นแหละค่ะ
พื้นที่เล็ก..เล็ก :: บอย ตรัย
จะต้องถอนใจอีกสักเท่าไหร่ โลกแห่งความเป็นจริง ไม่เคยเป็นอย่างใจ
วันและคืนเปลี่ยนหมุนให้เรายังตามเรื่อยไป โตแล้ว..ทุกอย่างเปลี่ยนไป
การเป็นผู้ใหญ่มันไม่ง่ายเลย มันไม่คุ้นไม่เคย ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ
ไม่มีเวลาเหลือให้ฝันให้คิดถึงใคร โตแล้ว..ต้องทำอย่างไร
เหมือนนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนตัวเราเองอาจหล่นหาย
ลืมเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในใจ เขาไปไหน ทำไมวันนี้เขาหายไปจากเรา
*ขอพื้นที่เล็ก..เล็ก ให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ไม่ว่านานเท่าไรก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า
ให้ความสดใสยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยากขอ พื้นที่เล็ก..เล็ก นี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ ให้เราได้ฝันให้เรายิ้มได้
โลกแห่งความจริงมันจะดีหรือร้าย เก็บความเป็นเด็กในหัวใจเอาไว้
ตรงขอบฟ้านั่น มีรุ้งพาดผ่าน เมื่อความจริงความฝันได้มาบรรจบกัน
ที่ดินแดนแห่งนั้น เด็กน้อยคนหนึ่งกับฉัน จูงมือเดินไปด้วยกัน
เหมือนนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนลืมว่าเราเคยเป็นใคร
อย่าลืมเด็กน้อยที่ยิ้ม ปล่อยเขาคอยอยู่เดียวดาย ได้ยินใช่ไหมเสียงนั้นที่เรียกเรา (*)
แต่ความเป็นเด็กในหัวใจจะอยู่กับฉันตลอดไป...
วันศุกร์, พฤศจิกายน 10, 2549
++ ขอใครสักคน :: ลีโอ พุฒ ++
สวัสดีค่ะ.. เคยรู้สึกเหงากันไหมคะ?
เหงา..ทั้งที่รอบตัวก็มีคนอยู่มากมาย แต่รู้สึกเหมือนว่าไม่มีใครสักคนที่เข้าใจเรา
เหงา..ทั้งที่จริงแล้วก็ไม่ได้ตัวคนเดียวซะหน่อย มีครอบครัว มีเพื่อน มีแฟน
เหงา..ทั้ง ที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ควรจะเหงาเลย (งานเต็มโต๊ะ จวนเจียนจะทับตาย)
หรือว่าเราบ้าไปเองกันนะ..
วันนี้รู้สึกแย่ตั้งแต่เช้าเลยค่ะ ไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนถึง ความเหงา เศร้า ซึม ของตัวเอง แต่มี sense ว่าวันนี้บรรยากาศน่าจะ "มาคุ" เป็นแน่ ก็เลยว่าทำใจไว้หน่อยแล้วนะว่าวันนี้จะต้องเจอศึกหนัก เช้านี้หลังจากนั่งทำงานได้สักพัก ปัญหาทั้งหลายก็รุมมาจากรอบทิศทาง ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว แต่ก็ยังฝืนทำตามปกติไปเรื่อยๆ จนสายๆ คนพิเศษโผล่เข้ามาทักทายจาก google talk เท่านั้นล่ะค่ะ นั่งต่อไปไม่ไหวแล้ว ต้องแอบหนีไปไกลผู้ไกลคน แล้วก็ ฮือ...อ
นี่เพิ่งจะดีขึ้นหลังจากที่เกิดอาการ "สติแตก" อยู่ๆ ก็ลุกหนีไปนั่งร้องไห้ในรถคนเดียว ไม่เคยเป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่วันนี้มันเกินกว่าจะทนไหวก็เลยขอสักนิดนึงละกัน พอดีมันหลายเรื่องจัดน่ะค่ะ ไว้มีเวลาจะเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจ
หยิบเอาเพลงนึงมาให้ฟังเป็นเพลงที่เราเคยอินมากๆ สมัยยังเรียนมหาลัยเรียกว่าฟังจนเทปยืดเลยล่ะค่ะ มีความรู้สึกเหมือนว่าเค้าแต่งไว้ให้เราจริงๆ ช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่เหงามาก เพื่อนๆ ก็มีแฟนกันหมด ส่วนเราเองก็มีคนมาจีบเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจคนเหล่านั้นได้แค่ไหน เหมือนกับลังเลอยู่ว่าจะคบดีหรือเปล่า ก็เลยได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนกะเค้า แต่สุดท้ายน่ะหรือคะ ..ไม่มีอ่ะค่ะ ก็ทำตัวเป็นนางเอกมิวสิคต่อไป แบบว่า ฝนตก..ยืนมองฟ้า ..เฮ้อ..
ขอใครสักคน: ลีโอ พุฒ
อยากจะมีใคร คอยห่วงใยดูแลกัน ในวันที่ฉันเหงาใจ
อยากจะมีใคร ที่จับมือกันเดินไป ในคืนที่ฟ้ามืดมน
แต่มันเหมือนทั้งโลกว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ เหมือนไม่เคยเจอใครซักคน
อาจจะเคยมี คนที่เคยมองตากัน แต่ก็ไม่เคยซึ้งใจ
อาจจะเคยมี คนที่เดินเคียงกันไป แต่ก็ดูเหมือนไม่มี
ก็ชีวิตฉันยังว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ ฉันต้องการแค่ใครสักคน
ใครสักคนที่เป็นทุกอย่าง ให้ความหวังและคอยห่วงใยทุกวัน
ใครที่คอยจะอยู่เคียงข้างกัน ที่จะพร้อมให้ความผูกพันจริงใจ
ใครสักคนที่เป็นคนพิเศษ ช่วยให้เหงาที่มีได้จางหายไป
ช่วยเป็นแสงสว่างในหัวใจ อยากจะขอแค่ใครสักคนที่รักจริง
เหงา..ทั้งที่รอบตัวก็มีคนอยู่มากมาย แต่รู้สึกเหมือนว่าไม่มีใครสักคนที่เข้าใจเรา
เหงา..ทั้งที่จริงแล้วก็ไม่ได้ตัวคนเดียวซะหน่อย มีครอบครัว มีเพื่อน มีแฟน
เหงา..ทั้ง ที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ควรจะเหงาเลย (งานเต็มโต๊ะ จวนเจียนจะทับตาย)
หรือว่าเราบ้าไปเองกันนะ..
วันนี้รู้สึกแย่ตั้งแต่เช้าเลยค่ะ ไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนถึง ความเหงา เศร้า ซึม ของตัวเอง แต่มี sense ว่าวันนี้บรรยากาศน่าจะ "มาคุ" เป็นแน่ ก็เลยว่าทำใจไว้หน่อยแล้วนะว่าวันนี้จะต้องเจอศึกหนัก เช้านี้หลังจากนั่งทำงานได้สักพัก ปัญหาทั้งหลายก็รุมมาจากรอบทิศทาง ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว แต่ก็ยังฝืนทำตามปกติไปเรื่อยๆ จนสายๆ คนพิเศษโผล่เข้ามาทักทายจาก google talk เท่านั้นล่ะค่ะ นั่งต่อไปไม่ไหวแล้ว ต้องแอบหนีไปไกลผู้ไกลคน แล้วก็ ฮือ...อ
นี่เพิ่งจะดีขึ้นหลังจากที่เกิดอาการ "สติแตก" อยู่ๆ ก็ลุกหนีไปนั่งร้องไห้ในรถคนเดียว ไม่เคยเป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่วันนี้มันเกินกว่าจะทนไหวก็เลยขอสักนิดนึงละกัน พอดีมันหลายเรื่องจัดน่ะค่ะ ไว้มีเวลาจะเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจ
หยิบเอาเพลงนึงมาให้ฟังเป็นเพลงที่เราเคยอินมากๆ สมัยยังเรียนมหาลัยเรียกว่าฟังจนเทปยืดเลยล่ะค่ะ มีความรู้สึกเหมือนว่าเค้าแต่งไว้ให้เราจริงๆ ช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่เหงามาก เพื่อนๆ ก็มีแฟนกันหมด ส่วนเราเองก็มีคนมาจีบเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจคนเหล่านั้นได้แค่ไหน เหมือนกับลังเลอยู่ว่าจะคบดีหรือเปล่า ก็เลยได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนกะเค้า แต่สุดท้ายน่ะหรือคะ ..ไม่มีอ่ะค่ะ ก็ทำตัวเป็นนางเอกมิวสิคต่อไป แบบว่า ฝนตก..ยืนมองฟ้า ..เฮ้อ..
ขอใครสักคน: ลีโอ พุฒ
อยากจะมีใคร คอยห่วงใยดูแลกัน ในวันที่ฉันเหงาใจ
อยากจะมีใคร ที่จับมือกันเดินไป ในคืนที่ฟ้ามืดมน
แต่มันเหมือนทั้งโลกว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ เหมือนไม่เคยเจอใครซักคน
อาจจะเคยมี คนที่เคยมองตากัน แต่ก็ไม่เคยซึ้งใจ
อาจจะเคยมี คนที่เดินเคียงกันไป แต่ก็ดูเหมือนไม่มี
ก็ชีวิตฉันยังว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ ฉันต้องการแค่ใครสักคน
ใครสักคนที่เป็นทุกอย่าง ให้ความหวังและคอยห่วงใยทุกวัน
ใครที่คอยจะอยู่เคียงข้างกัน ที่จะพร้อมให้ความผูกพันจริงใจ
ใครสักคนที่เป็นคนพิเศษ ช่วยให้เหงาที่มีได้จางหายไป
ช่วยเป็นแสงสว่างในหัวใจ อยากจะขอแค่ใครสักคนที่รักจริง
++ ที่สุดแล้ว :: อัญชลี จงคดีกิจ ++
ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นอย่างเราตอนนี้ไหมคะ
ตั้งใจทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผลออกมากลับไม่ได้อย่างที่หวังไว้
ยังไม่นับการทำอะไรผิดพลาด อย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
หรือแม้แต่บางทีก็ต้องรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ
มันทำเอาเราท้อแท้ หมดพลังไปได้เหมือนกันค่ะ
เคยได้ยินว่า..คนที่ไม่เคยทำผิด ก็คือคนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย
ถ้าจะยกคำนี้มาพูด จะเป็นการเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่านะ
ถึงตอนนี้แล้วก็คงได้แต่ปลอบตัวเองว่า "ผิดเป็นครู" แล้วก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ก็คงต้องบอกตัวเองล่ะว่า เราคงทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้หรอก
ในเมื่อเราทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้
ถ้างั้น เราขอเลือกทำให้คน "บางคน" ที่สำคัญสำหรับเรา "เข้าใจ" สิ่งที่เราทำก็พอ
เพราะเรื่องบางอย่าง ใครไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหน
ในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่างลงไป
ช่วงนี้รู้สึกว่ากราฟชีวิตตกยังไงไม่รู้ค่ะ เหมือนจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในทุกอย่างที่ทำ
เป็นผลให้เมื่อวานนี้เกิดอาการ "ต่อมน้ำตาแตก" ไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้กลับมาใหม่และพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
เราเลือกเพลงนี้มาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง เพระอย่างน้อยในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด
ตัวเราเองนี่แหละ เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด ..สู้ต่อไป!!
ที่สุดแล้ว : อัญชลี จงคดีกิจ
เหนื่อยใช่ไหม ที่ต้องทน แบกภาระอันหนักล้นไว้ข้างใน
และไม่ว่าค้นไม่ว่าหา พยายามสักเท่าไหร่ ก็ไม่เคยจะ เจอทางออก
แบกคนเดียว อยู่ผู้เดียว เพียงลำพังคนเดียวเปล่าเปลี่ยวไหม ในใจ
อยากรู้เธอจะเหนื่อย อยากรู้เธอจะแบก จนเมื่อไร
ฉันเองก็เคย เป็นเหมือนๆ กับเธอ จึงอยากบอกเธอ ให้เธอรู้ไว้
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ วางสัมภาระของเธอลงก่อน
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว
อาจดูเหมือน หมดหนทาง มองไปก็อ้างว้าง โดดเดี่ยวเหงาเดียวดาย
ไม่เห็นมีจุดจบ ไม่รู้จะสิ้นสุด สักเมื่อไร
ฉันเองก็เคย เป็นเหมือนๆ กับเธอ จึงอยากบอกเธอ ให้เธอรู้ไว้
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ วางสัมภาระของเธอลงก่อน
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ วางสัมภาระของเธอลงก่อน
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ พักลงก่อนที่จะสาย
พาใจมาพิง ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย
ปลดพันธนาการที่ผูกมัดหัวใจและกาย
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย
เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว..
ตั้งใจทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผลออกมากลับไม่ได้อย่างที่หวังไว้
ยังไม่นับการทำอะไรผิดพลาด อย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
หรือแม้แต่บางทีก็ต้องรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ
มันทำเอาเราท้อแท้ หมดพลังไปได้เหมือนกันค่ะ
เคยได้ยินว่า..คนที่ไม่เคยทำผิด ก็คือคนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย
ถ้าจะยกคำนี้มาพูด จะเป็นการเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่านะ
ถึงตอนนี้แล้วก็คงได้แต่ปลอบตัวเองว่า "ผิดเป็นครู" แล้วก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ก็คงต้องบอกตัวเองล่ะว่า เราคงทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้หรอก
ในเมื่อเราทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้
ถ้างั้น เราขอเลือกทำให้คน "บางคน" ที่สำคัญสำหรับเรา "เข้าใจ" สิ่งที่เราทำก็พอ
เพราะเรื่องบางอย่าง ใครไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหน
ในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่างลงไป
ช่วงนี้รู้สึกว่ากราฟชีวิตตกยังไงไม่รู้ค่ะ เหมือนจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในทุกอย่างที่ทำ
เป็นผลให้เมื่อวานนี้เกิดอาการ "ต่อมน้ำตาแตก" ไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้กลับมาใหม่และพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
เราเลือกเพลงนี้มาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง เพระอย่างน้อยในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด
ตัวเราเองนี่แหละ เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด ..สู้ต่อไป!!
ที่สุดแล้ว : อัญชลี จงคดีกิจ
เหนื่อยใช่ไหม ที่ต้องทน แบกภาระอันหนักล้นไว้ข้างใน
และไม่ว่าค้นไม่ว่าหา พยายามสักเท่าไหร่ ก็ไม่เคยจะ เจอทางออก
แบกคนเดียว อยู่ผู้เดียว เพียงลำพังคนเดียวเปล่าเปลี่ยวไหม ในใจ
อยากรู้เธอจะเหนื่อย อยากรู้เธอจะแบก จนเมื่อไร
ฉันเองก็เคย เป็นเหมือนๆ กับเธอ จึงอยากบอกเธอ ให้เธอรู้ไว้
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ วางสัมภาระของเธอลงก่อน
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว
อาจดูเหมือน หมดหนทาง มองไปก็อ้างว้าง โดดเดี่ยวเหงาเดียวดาย
ไม่เห็นมีจุดจบ ไม่รู้จะสิ้นสุด สักเมื่อไร
ฉันเองก็เคย เป็นเหมือนๆ กับเธอ จึงอยากบอกเธอ ให้เธอรู้ไว้
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ วางสัมภาระของเธอลงก่อน
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ วางสัมภาระของเธอลงก่อน
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย
เปิดเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ พักลงก่อนที่จะสาย
พาใจมาพิง ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย
ปลดพันธนาการที่ผูกมัดหัวใจและกาย
พาใจมาพิง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ให้สบาย
เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว..
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)